ภัยพิบัติหมายถึง ภัยที่รุนแรง หรือเหตุการณ์ร้ายที่เกิดขึ้น ส่งผลกระทบต่อบุคคลเดียวหรือต่อผู้คนเป็นจำนวนมาก
ไม่ว่าที่ใดที่เกิดภัยพิบัติย่อมนำมาซึ่งความสูญเสียทั้งทรัพย์สินสิ่งของและผู้คนอย่างแสนสาหัส สร้างความลำบากในการดำเนินชีวิต เช่น บาดเจ็บ ไร้ที่อยู่ ขาดที่ทำกิน พิการ ฯ...
ภัยพิบัติอาศัยธรรมชาติเกิดขึ้น เช่น แผ่นดินไหว น้ำท่วม คลื่นสึนามิ พายุ ภัยแล้ง ภัยหนาว หรือเกิดจากการกระทำของมนุษย์ เช่น การก่อการร้าย ก่อสงคราม การข่มขืน ปล้น ฆ่า ฯลฯ..
ไม่มีใครอยากให้เกิดภัยพิบัติ แต่ภัยพิบัติก็เกิดขึ้น และมีแนวโน้มทวีความรุนแรงเพิ่มสูงขึ้นทุกวัน....
ปรากฎการณ์ของภัยพิบัติ
ภัยที่มีรูปลักษณ์ กับ ภัยที่ไม่มีรูปลักษณ์
เภทภัยเกิดจากความประมาท
โรคภัยเกิดจากความไม่ระวัง
ที่สุดแห่งมหันตภัยคือความตาย
ที่สุดแห่งวาสนาก็คือการมีชีวิตอยู่
ทำผิดต่อหลักธรรมฟ้าจะประสบภัย
คล้อยตามเจตนาฟ้าจักสำเร็จผล
บำเพ็ญบุญผลบุญตอบสนอง
เลวทรามต่ำช้าหนีไม่พ้นภัยพิบัติ !...
ภัยพิบัติที่มีรูปลักษณ์
หากกล่าวถึงภัยพิบัติที่มีรูปลักษณ์ นั่นก็คือสิ่งที่พวกเจ้าสามารถมองเห็น ได้ยิน ได้ฟัง ในโลกมนุษย์ที่อาศัยอยู่นี้
ปัจจุบันโลกกำลังขาดแคลนทรัพยากรธรมชาติ เป็นเพราะธรรมชาติถูกทำลายลงอย่างมาก สภาพของโลกตอนนี้ก็เหมือนกับคนชรา ยิ่งนับวันก็จะยิ่งเสื่อมถอยลงทุกที...
มาดูกันว่าภัยพิบัติมีอะไรบ้าง ?...
ภัยจากดินฟ้ามาก็ยิ่งมาก เช่น แผ่นดินไหว พายุ น้ำท่วม ไฟไหม้และโรคระบาดต่างๆ ที่ไม่เคยมีมาก่อน มหันตภัยเกิดขึ้นแล้วทั่วโลกทุกหัวระแหง...
ถึงแม้ปัจจุบันเทคโนโลยี่จะเจริญก้าวหน้า วงการแพทย์ก็มีเครื่องมือทันสมัย แต่ภัยพิบัติและโรคภัยต่างๆ กลับเพิ่มขึ้น ไม่มีทางบรรเทาเบาบางได้เลย...
นักวิทยาศาสตร์และนักอนุรักษ์ธรรมชาติบอกว่าโลกของเราตอนนี้เข้าขั้นวิกฤติแล้ว...
1. ทั่วโลกกำลังประสบมหันตภัยใกล้ตัว เมื่อมนุษย์มีการทดลองอาวุธนิวเคลียร์ ทำให้เกิดความปรวนแปรของธรรมชาติโลกร้อนและอากาศเป็นพิษมากขึ้น..
2. ธรรมชาติถูกทำลายอย่างหนัก อากาศและน้ำเป็นพิษ ทำให้สิ่งบริโภคและพืชผลการเกษตรมีสารพิษตกค้าง ป่าไม้ แม่น้ำ ลำธาร ห้วยหนอง คลองบึง ทะเลสาบต่างๆ ที่เป็นต้นน้ำถูกคุกคามด้วยมลภาวะทางอากศ (ฝนกรด) แผ่นดินถูกขุดเจาะ ใต้พื้นโลกเป็นโพรงทำให้ดินพังทลาย..
3. ชั้นบรรยากาศถูกทำลาย ทำให้สารกัมมันตภาพรังสีจากแสงแดด รังสีอินฟาเรด รังสีอัลตราไวโอเลต ส่องมายังพื้นผิวโลกโดยตรง เป็นเหตุให้มนุษย์นับวันเป็น มะเร็งผิวหนัง มากขึ้น..
ปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ทำให้อุณหภูใลกเพิ่มขึ้นเป็นเหตุให้น้ำแข็งขั้วโลกเหนือและใต้กำลังละลาย โลกจะเข้าสู่ยุคน้ำแข็งในวันข้างหน้าและเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ของผิวโลก..
4. จำนวนประชาการโลกเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้ทรัพยากรธรรมชาติของโลกร่อยหรอลงทุกวัน นี่คือสาเหตุที่ทำให้โลกเข้าสู่ยุคแร้นแค้น..
5. ตราบใดที่มนุษย์ยังไม่หยุดทำลายธรรมชาติ อากาศ น้ำ พื้นดิน แร่ธาตุ ป่าไม้ และเหมืองแร่ ทรัพยากรเหล่านี้นับวันจะหมดสิ้นไปจากโลก..
ดังนั้น บรรดานักวิทยาศาสตร์ได้เรียกร้องให้คนทั่วโลกช่วยกันอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
เจ้าทั้งหลายพึงรู้ไว้ หากกล่าวถึงทางรอดของโลกโดยรวมแล้ว สภาวะจิตใจภายในของคนกับสภาวะสิ่งแวดล้อมของโลกล้วนสัมพันธ์กันและไม่อาจแยกจากกันได้..
ฉะนั้นแล้ว ขอให้เจ้าทั้งหลาย "อนุรักษ์จิตญาณ" ให้ดีเสียก่อน สภาพสังคมและสิ่งแวดล้อมโลกจึงจะไปได้สวย..
"อนุรักษ์จิตญาณ" ก็คือ การบำเพ็ญจิตหล่อเลี้ยงญาณของตน อีกทั้งขจัดโลภโกรธหลง..
สิ่งที่กล่าวมาทั้งหมดล้วนเป็นข้อมูลที่นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นคว้ามาทั้งสิ้น ไม่ใช่อาจารย์พูดเรื่อยเปื่อย เท่านี้ก็พอที่จะพิสูจน์แล้วว่าโลกเราขณะนี้ได้เข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงแล้ว..(ยุคสุดท้าย)..
ยุคนี้เรียกว่า ภัยพิบัติยุคสุดท้าย !..
และยังเป็นโอกาสครั้งสุดท้ายที่จะฉุดช่วยดวงวิญญาณทั้งหลายคืนสู่เบื้องบน
ภัยพิบัติที่ไร้รูปลักษณ์
ภัยพิบัติทั้งหลายมีมูลเหตุมาจากความไม่รู้(อวิชชา) หรือรู้ไม่เท่าทัน (ขาดปัญญา) อันเป็นผลกรรมที่สั่งสมมาจากอดีตชาติบาปกรรมทั้งหลายที่เคยก่อร่วมกันบัดนี้ได้มาบรรจบกันจนกระทั่งกลายเป็นภัยพิบัติ !.
ภัยพิบัติปลายยุคนี้มีความหมายอีกอย่างคือ ยุคแห่งการกวาดล้าง คิดบัญชีทวงหนี้กรรม สรรพสัตว์ทั้งหลายที่เคยสร้างกรรมไว้แต่อดีดชาติ บัดนี้บัญชีกรรมทั้งหลายจะถูกสะสางตามทวงหนี้กันครั้งใหญ่ในยุคนี้.
ด้วยเหตุนี้ เมื่อนาทีแห่งการทวงหนี้กรรมมาถึง เวไนยทั้งหลายจึงตั้งตัวไม่ติด มันรวดเร็วปานสายฟ้า ดังคำโบราณว่า "กรรมตามทันในชาตินี้ !.."
ดังนั้น เจ้าทั้งหลายไม่เพียงแต่มีกรรมร่วม ยังมีเจ้ากรรมนายเวรติดตามมาด้วย นี่แหละคือภัยพิบัติที่ไร้รูปลักษณ์...
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น