พระโอวาทพระทธจี้กง
เราลองมองดู มีภัยพิบัติเกิดขึ้นมากมาย...
เรากลัวไหม ?..(กลัว) กลัวอะไร ?...
กลัวว่าวันหนึ่งภัยพิบัติมาถึงเรา เราต้องตายก่อน !...
ถามว่า...มีคนพูดว่าเดี๋ยวภัยพิบัติจะเกิด เดี๋ยวโลกจะแตก เดี๋ยวประเทศนั้นน้ำท่วม เดี๋ยวประเทศนี้ไฟไหม้ แผ่นดินไหว...
เราเคยได้ยินข่าว เวลาเราดูข่าว เวลาเราได้ยินคนอื่นพูดถึงเรารู้สึกหวาดกลัว ที่เรากลัว กลัวอะไร
(เมื่อเวลานั้นมาถึง ยังไม่ได้ปฏิบัติธรรม)
เพราะว่าเรายังตั้งตัวไม่ทัน ใช่ไหม ที่เรากลัวเพราะเรากลัวว่าเวลาที่เหลือไม่สามารถเปลี่ยนแปลงชีวิต ยังไม่รู้เลยว่าเราเกิดมาเพื่ออะไร ยังไม่ได้รับคำตอบให้กับชีวิตตัวเราเอง...
กลัวว่าสิ่งนั้นมาถึง ชีวิตเราก็จบสิ้นก่อน ใช่ไหม ถึงตอนนั้นจะแก้ไขอะไรก็ไม่ทันแล้ว...
ภัยพิบัติข้างนอกใช่ว่าจะจบลง แต่กำลังเกิดขึ้นทุกวินาที...
และตอนนี้พระอาจารย์มาเตือนเราว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ เรากลัวว่าเราจะไม่สามารถปฏิบัติบำเพ็ญธรรมได้ทันสิ่งที่เกิดขึ้นจะเกิดขึ้นก่อน สิ่งที่เรากลัวอาจเป็นจริงก็ได้ !...
เพราะเราชะล่าใจกับชีวิตตัวเองมากเกินไป...
เราประมาทกับชีวิตตัวเองมากเกินไป...
เราผลัดวันกับภัยพิบัติตัวเองมากเกินไป...
ไม่แน่สิ่งที่เรากลัวอาจจะเป็นจริงก็ได้ เพราะภัยพิบัติไม่ได้เกิดขึ้นจากอะไรเลย นอกจากกรรมร่วมของมนุษย์...
ใต้พิภพนี้มีมนุษย์ทั้งหมดเท่าไหร่ เรารู้ไหม ?...
และหนึ่งคนก็มีกรรมมีชะตาเป็นของตัวเอง จากหนึ่งคน สองคน สามคนอยู่ร่วมกัน กรรมนั้นจะยิ่งใหญ๋ขนาดไหน...
น่ากลัวไหม ?...
ถ้าเอากรรมของมนุษย์มารวมกันล่ะ และสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นก็ไม่ต่างจากกรรมร่วมของมนุษย์ที่เป็นผู้สร้างขึ้น...
ใครตอบได้ 100% ไหมว่าเราไม่มีกรรมร่วมเลย ตอบได้ไหม ? (ไม่ได้) นับดูจำนวนคนแค่ไม่กี่คน ก่อขึ้นมาก็ยิ่งใหญ่...
เพราะฉะนั้น วันนี้จึงอยากบอกเราว่า สิ่งที่เราอยากจะทำทั้งสิ่งที่เราอยากจะเริ่มต้นใหม่ เราอย่ามัวแต่ผลัดวันประกันพรุ่งอยู่เรื่อยไป ไม่มีใครช่วยเราได้...
มัวแต่บอกว่าทำงานก่อน มีลูกมีครอบครัวก่อนค่อยมาบำเพ็ญ ใครจะรู้ว่าจะมีชีวิตอยู่ถึงเมื่อไหร่ ใครจะตอบได้ เราจะมีชีวิตอยู่ถึง 100 ปี 70 ปี
เพราะฉะนั้น ตอนนี้เวลาที่เรามีอยู่จึงสำคัญมาก ขอให้เราคิดและพิจารณาให้ดีว่าเราจะเลือกเส้นทางไหนต่อจากนี้ไป...
เราจะมัวแต่บอกว่าเดี๋ยวค่อยทำ เดี๋ยวค่อยบำเพ็ญ ไม่รู้เมื่อไหร่ธรรมะนี้จะมีโอกาสให้เราได้บำเพ็ญอีก แล้วจะมาเสียใจภายหลังคงไม่มีใครช่วยเราได้...
ถ้าหากพระอาจารย์ปล่อยวางแทนเราได้ พระอาจารย์จะรีบทำทันที แต่พระอาจารย์ไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ เราต้องทำเอง เราต้องบำเพ็ญเอง เราต้องปล่อยวาง ใช่หรือไม่ ?...
ทุกสิ่งทุกย่างเราเลือกเอง เราก็ต้องพร้อมที่จะเผชิญเอง...
เพราะฉะนั้น เวลานี้ภัยพิบัติต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย เราจะอยู่ถึงเมื่อไรก็ไม่รู้ พระอาจารย์จึงอยากเตือนย้ำให้เรากระตือรือร้นกับใจของเราอีกสักนิดหนึ่งว่ายุคนี้ยุคสุดท้ายจะมีเวลาให้เราบำเพ็ญถึงอีกเมื่อไรก็ไม่รู้...
ลมหายใจนี้จะสามารถถ่ายทอดออกไปแล้วก็กลับมาดำรงชีวิตของเราได้ถึงพรุ่งนี้ เราก็ยังไม่แน่ใจ และสิ่งที่เราสามารถทำได้ ในขณะนี้ก็คือ สามารถขัดเกลาใจตัวเรา เป็นสิ่งที่ใกล้ตัวที่สุด..
ชีวิตของเรายังเหลืออะไรที่เราต้องทำอีก สิ่งต่างๆ ภายนอกนั้นเป็นเพียงแค่ปัจจัยเสริม นั้นไม่ใช่จุดประสงค์ที่เราเกิดมาบนโลกมนุษย์ นั้นเป็นเพียงแค่ปัจจัยเสริมให้เราดำรงชีวิตอยู่ในโลกใบนี้ได้เท่านั้นเอง...
แต่มนุษย์กลับทุ่มแทให้กับสิ่งเหล่านั้นมากเกิน จนไม่สามารถที่จะจดจำโลกภายในของตัวเราเองได้ด้วยซ้ำ ลืมไปว่า...
แท้จริงแล้วจิตเดิมแท้ของเราอยู่ที่ไหน ?...
จิตเดิมแท้ของเราเป็นใครมาจากไหน ?...
เราไม่เคยถามตัวเองจริงๆ เราไม่เคยรู้เลยด้วยซ้ำ ใช่หรือไม่ แต่ตอนนี้เรารู้หรือยัง ?...
ขอให้เราย้ำเตือนกับตัวเองว่ายุคนี้เป็นยุคสุดท้าย อยากจะทำอะไรก็ขอให้รีบทำ และที่สำคัญอย่าประมาทกับชีวิตของตัวเราเอง เริ่มต้นใหม่ยังมีโอกาสเสมอ แต่ว่าถ้าหากสายเกินไปกลับมาก็คงไม่ทันแล้ว...
เราลองมองดู มีภัยพิบัติเกิดขึ้นมากมาย...
เรากลัวไหม ?..(กลัว) กลัวอะไร ?...
กลัวว่าวันหนึ่งภัยพิบัติมาถึงเรา เราต้องตายก่อน !...
ถามว่า...มีคนพูดว่าเดี๋ยวภัยพิบัติจะเกิด เดี๋ยวโลกจะแตก เดี๋ยวประเทศนั้นน้ำท่วม เดี๋ยวประเทศนี้ไฟไหม้ แผ่นดินไหว...
เราเคยได้ยินข่าว เวลาเราดูข่าว เวลาเราได้ยินคนอื่นพูดถึงเรารู้สึกหวาดกลัว ที่เรากลัว กลัวอะไร
(เมื่อเวลานั้นมาถึง ยังไม่ได้ปฏิบัติธรรม)
เพราะว่าเรายังตั้งตัวไม่ทัน ใช่ไหม ที่เรากลัวเพราะเรากลัวว่าเวลาที่เหลือไม่สามารถเปลี่ยนแปลงชีวิต ยังไม่รู้เลยว่าเราเกิดมาเพื่ออะไร ยังไม่ได้รับคำตอบให้กับชีวิตตัวเราเอง...
กลัวว่าสิ่งนั้นมาถึง ชีวิตเราก็จบสิ้นก่อน ใช่ไหม ถึงตอนนั้นจะแก้ไขอะไรก็ไม่ทันแล้ว...
ภัยพิบัติข้างนอกใช่ว่าจะจบลง แต่กำลังเกิดขึ้นทุกวินาที...
และตอนนี้พระอาจารย์มาเตือนเราว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ เรากลัวว่าเราจะไม่สามารถปฏิบัติบำเพ็ญธรรมได้ทันสิ่งที่เกิดขึ้นจะเกิดขึ้นก่อน สิ่งที่เรากลัวอาจเป็นจริงก็ได้ !...
เพราะเราชะล่าใจกับชีวิตตัวเองมากเกินไป...
เราประมาทกับชีวิตตัวเองมากเกินไป...
เราผลัดวันกับภัยพิบัติตัวเองมากเกินไป...
ไม่แน่สิ่งที่เรากลัวอาจจะเป็นจริงก็ได้ เพราะภัยพิบัติไม่ได้เกิดขึ้นจากอะไรเลย นอกจากกรรมร่วมของมนุษย์...
ใต้พิภพนี้มีมนุษย์ทั้งหมดเท่าไหร่ เรารู้ไหม ?...
และหนึ่งคนก็มีกรรมมีชะตาเป็นของตัวเอง จากหนึ่งคน สองคน สามคนอยู่ร่วมกัน กรรมนั้นจะยิ่งใหญ๋ขนาดไหน...
น่ากลัวไหม ?...
ถ้าเอากรรมของมนุษย์มารวมกันล่ะ และสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นก็ไม่ต่างจากกรรมร่วมของมนุษย์ที่เป็นผู้สร้างขึ้น...
ใครตอบได้ 100% ไหมว่าเราไม่มีกรรมร่วมเลย ตอบได้ไหม ? (ไม่ได้) นับดูจำนวนคนแค่ไม่กี่คน ก่อขึ้นมาก็ยิ่งใหญ่...
เพราะฉะนั้น วันนี้จึงอยากบอกเราว่า สิ่งที่เราอยากจะทำทั้งสิ่งที่เราอยากจะเริ่มต้นใหม่ เราอย่ามัวแต่ผลัดวันประกันพรุ่งอยู่เรื่อยไป ไม่มีใครช่วยเราได้...
มัวแต่บอกว่าทำงานก่อน มีลูกมีครอบครัวก่อนค่อยมาบำเพ็ญ ใครจะรู้ว่าจะมีชีวิตอยู่ถึงเมื่อไหร่ ใครจะตอบได้ เราจะมีชีวิตอยู่ถึง 100 ปี 70 ปี
เพราะฉะนั้น ตอนนี้เวลาที่เรามีอยู่จึงสำคัญมาก ขอให้เราคิดและพิจารณาให้ดีว่าเราจะเลือกเส้นทางไหนต่อจากนี้ไป...
เราจะมัวแต่บอกว่าเดี๋ยวค่อยทำ เดี๋ยวค่อยบำเพ็ญ ไม่รู้เมื่อไหร่ธรรมะนี้จะมีโอกาสให้เราได้บำเพ็ญอีก แล้วจะมาเสียใจภายหลังคงไม่มีใครช่วยเราได้...
ถ้าหากพระอาจารย์ปล่อยวางแทนเราได้ พระอาจารย์จะรีบทำทันที แต่พระอาจารย์ไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ เราต้องทำเอง เราต้องบำเพ็ญเอง เราต้องปล่อยวาง ใช่หรือไม่ ?...
ทุกสิ่งทุกย่างเราเลือกเอง เราก็ต้องพร้อมที่จะเผชิญเอง...
เพราะฉะนั้น เวลานี้ภัยพิบัติต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย เราจะอยู่ถึงเมื่อไรก็ไม่รู้ พระอาจารย์จึงอยากเตือนย้ำให้เรากระตือรือร้นกับใจของเราอีกสักนิดหนึ่งว่ายุคนี้ยุคสุดท้ายจะมีเวลาให้เราบำเพ็ญถึงอีกเมื่อไรก็ไม่รู้...
ลมหายใจนี้จะสามารถถ่ายทอดออกไปแล้วก็กลับมาดำรงชีวิตของเราได้ถึงพรุ่งนี้ เราก็ยังไม่แน่ใจ และสิ่งที่เราสามารถทำได้ ในขณะนี้ก็คือ สามารถขัดเกลาใจตัวเรา เป็นสิ่งที่ใกล้ตัวที่สุด..
ชีวิตของเรายังเหลืออะไรที่เราต้องทำอีก สิ่งต่างๆ ภายนอกนั้นเป็นเพียงแค่ปัจจัยเสริม นั้นไม่ใช่จุดประสงค์ที่เราเกิดมาบนโลกมนุษย์ นั้นเป็นเพียงแค่ปัจจัยเสริมให้เราดำรงชีวิตอยู่ในโลกใบนี้ได้เท่านั้นเอง...
แต่มนุษย์กลับทุ่มแทให้กับสิ่งเหล่านั้นมากเกิน จนไม่สามารถที่จะจดจำโลกภายในของตัวเราเองได้ด้วยซ้ำ ลืมไปว่า...
แท้จริงแล้วจิตเดิมแท้ของเราอยู่ที่ไหน ?...
จิตเดิมแท้ของเราเป็นใครมาจากไหน ?...
เราไม่เคยถามตัวเองจริงๆ เราไม่เคยรู้เลยด้วยซ้ำ ใช่หรือไม่ แต่ตอนนี้เรารู้หรือยัง ?...
ขอให้เราย้ำเตือนกับตัวเองว่ายุคนี้เป็นยุคสุดท้าย อยากจะทำอะไรก็ขอให้รีบทำ และที่สำคัญอย่าประมาทกับชีวิตของตัวเราเอง เริ่มต้นใหม่ยังมีโอกาสเสมอ แต่ว่าถ้าหากสายเกินไปกลับมาก็คงไม่ทันแล้ว...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น